วันจันทร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2556

ให้เงินทำงานแทนเรา




ทำไมต้องให้เงินทำงานแทนเรา คำตอบชัดเจนในตัวเอง คือเราต้องการอิสรภาพทางการเงิน และเมื่อใดก็ตามที่เราให้เงินทำงานหาเงิน จนพอค่าใช้จ่ายของเรา เราจะไม่ต้องกังวลเรื่องการหาเงินด้วยตนเองอีกต่อไป ถึงเวลานั้นลาออกจากงานประจำ เลิกทำธุรกิจส่วนต้ว แล้วมาหาความสุขกับชีวิตดีกันดีกว่า

“วิธีที่จะให้เงินทำงาน (หาเงิน) แทนเราก็คือการนำเงินที่หามาได้ไปลงทุนซื้อทรัพย์สินเพื่อให้ทรัพย์สินนั้นสร้างผลตอบแทนให้เรา”

คนส่วนใหญ่นำเงินไปตอบสนองความต้องการตัวเองก่อน ด้วยการซื้อสิ่งของที่อาจไม่จำเป็นในชีวิต ซึ่งบางครั้งเป็นการสร้างภาระ เช่นนำไปซื้อรถแพงๆ เปลี่ยนมือถือเป็นว่าเล่น หรือตามเทคโนโลยีจนเหนื่อย ลองคิดดูว่าที่ผ่านมา เราสูญเงินไปกับเรื่องไม่จำเป็นมากน้อยแค่ไหน และหากเปลี่ยนสิ่งของเหล่านั้นมาเป็นเงิน เราจะได้เท่าไร ไม่ต้องนึกถึงว่าเงินเหล่านั้น จะมาสร้างผลตอบแทนได้เท่าไรในอนาคต เราจะเปลี่ยนแนวทางการใช้เงินวันนี้ หรือจะรอจนเราต้องถูกบังคับให้เปลี่ยน และมันมักจะสายเกินไป

แล้วจะลงทุนอะไรละ หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าการนำเงินไปฝากธนาคารและได้ดอกเบี้ย 2% - 3% เป็นการลงทุน ซึ่งไม่ใช่ นั้นเรียกว่าการออม การลงทุนคือการนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ความเสี่ยงเพิ่มขึ้น และได้

ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น เช่นการซื้อตราสารหนี้ หรือซื้อหุ้น อย่างไรก็ตามท่านอาจเป็นคนหนึ่งที่บอกว่า ฉันพอใจกับผลตอบแทน 2% - 3% ไม่อยากจะเสี่ยงอะไร แต่อย่าลืมนะครับว่าเราจะต้องเสียภาษีดอกเบี้ย 15% ซึ่งนั้นหมายถึงเราจะได้ผลตอบแทนสุทธิเพียง 1.7% - 2.55% เท่านั้น แต่พิจาณาเงินเฟ้อในประเทศระยะยาวที่ประมาณ 3% การฝากเงินไว้กับธนาคารจะทำให้เราขาดทุนตลอดเวลา เนื่องจากผลตอบแทนไม่คุ้มค่าเงินเฟ้อ แล้วหากยังคงเป็นเช่นนี้ จะเกิดอะไรขึ้น เราก็จะต้องทำงานหาเงินมาเพิ่มตลอดเวลา เกษียณเมื่อไรก็ไม่รู้ ดังนั้นสิ่งที่ท่านต้องให้ความใส่ใจคือการลงทุนในสินทรัพย์เพื่อให้เงินทำงานแทนเราบ้าง และให้ทำงานตลอด 24 ชั่วโมงไม่มีวันหยุด ใช้เงินเยี่ยงทาสก็ว่าได้ครับ รับรองเงินไม่บ่นให้คุณได้ยินสักคำ


วันจันทร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ออมเงินวันนี้ ก็เหมือนเป็นการประกันชีวิตของเราในวันข้างหน้า



ออมเงินวันนี้ ก็เหมือนเป็นการประกันชีวิตของเราในวันข้างหน้า

การเงินคุณเป็นไงบ้างครับ หลายๆ  ครั้งที่ต้องเจอกับปัญหาต่างๆ  มากมายที่ทำให้เราต้องสูญเสียทรัพย์สินเงินทอง ของมีค่าโดยที่เราไม่ทันได้ตั้งตัว ถ้าเรามีทรัพย์สินหรือเงินทองเพียงพออยู่ในมือแล้วก็ไม่ใช่ปัญหาหรอกครับ แต่ถ้าเราไม่มีอะไรเลยหละครับก็ต้องสร้างหนี้สินกันอีกครับ เอาง่ายๆ จากประสบการณ์ของผมเองก็แล้วกันครับ ผมเป็นพนักงานเงินเดือนทำงานทั้งปีไม่มีเงินเก็บเลยครับ ยิ่งทำยิ่งเป็นหนี้ มันเกิดอะไรขึ้น ผมว่าหลายๆ  ท่านคงเป็นเหมือนกัน รับเงินเดือนตอนสิ้นเดือน ต้นเดือนก็หมดกันแล้วค่าใช้จ่ายแต่ละคนเข้าใจครับมากมายจริง ๆ ค่าบัตร ค่าบ้าน ค่ารถ ในเมื่อต้นเดือนเงินจะหมดกันแล้ว พอมาถึงปลายเดือนสุดท้ายไม่มีเงินกันแล้วครับ บางคนต้องไปหากู้เงินดอกมาใช้ก่อนในที่สุดก็เลยต้องจมอยู่กับการวนเวียนใช้หนี้กันต่อไป แล้วถ้าหากมีเรื่องที่จำเป็นต้องใช้เงินหละครับ ก็ต้องไปกู้เงินดอกมาใช้ก่อนหรือไม่ก็ไปสมัครบัตรกดเงินสดมาใช้จ่าย ผมว่ามาออมกันดีกว่าครับ ไม่ต้องมากแต่ขอให้มี


                 มีอยู่หลายวิธีที่ท่านจะสามารถเก็บออมในแต่ละวันในแต่ละเดือนได้ การที่เราเก็บออมก็เหมือนเป็นการประกันชีวิตของเราเอาไว้เพื่อวันข้างหน้า เราไม่รู้ใช่มั้ยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับการคำรงชีวิตของเราในวันข้างหน้าที่จะมาถึงนี้ สิ่งที่เราทำได้ดีที่สุดก็คือเตรีอมตัวของเราให้พร้อม ให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นให้ได้โดยที่เราต้องพึ่งพาตัวเราเองให้ได้เป็นอันดับแรกเสียก่อน ก่อนที่จะไปพึ่งพาคนอื่นเขาเริ่มจะยาวไปกันใหญ่แล้วครับ เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าครับผมว่า…
การออมเงิน  อย่างที่หัวข้อได้กล่าวไปนั้นทุกท่านสามารถทำได้ ไม่ใช่เรื่องยาก สิ่งแรกที่ท่านต้องรู้คือรายรับกับรายจ่ายครับ ให้ท่านทำบัญชีรายรับรายจ่ายของแต่ละวันเอาไว้ บางท่านบอกไม่มีเวลายุ่งมาก ไม่ต้องทำก็ได้ครับแต่เรามาสร้างนิสัยให้คนในครอบครัวของเรากันครับทำอย่างไรใช่มั้ยครับเรามาดูกัน
1. บ้านออมเงิน เป็นการที่คนในครอบครับมีส่วนร่วมในการเก็บเงินช่วยกันโดยหยอดออมสินส่วนกลางกัน วันละครั้งต่อคนเป็นเหมือนกิจวัตรของคนในครอบครัวต้องทำกันทุกคน กิจกรรมนี้ไม่ใช่เพียงแต่ได้ออมเงินแต่เป็นการปลูกฝังจิตใต้สำนึกของลูกๆ  หลานๆ  ในบ้านของเราได้ดีอีกด้วย ไม่จำเป็นว่าจะต้องหยอดออมสินกันมากมีบาทสองบาทก็ได้แล้วแต่คนในครอบครัวเราครับ
2.เก็บเงินโดยหักจากบัญชีของเรา ไม่จำเป็นต้องเป็นเงินฝากประจำครับ เพียงแต่แยกบัญชีไปอีกที่ก็เท่านั้นเอง โดยให้หักจากบัญชีของเราเอาไว้ทุกๆ  เดือนแต่ถ้าจะให้ดีสำหรับท่านที่เก็บเงินเอาไว้ไม่อยู่ก็น่าจะเปิดบัญชีแบบประจำเอาไว้เลยน่าจะดีนะครับ บางท่านถามมาว่าให้หักจากบัญชีของเราไปอีกบัญชีหนึ่งมันก็มีค่าเท่าเดิม ยิ่งฝากไม่ประจำแล้วก็สามารถเบิกได้ตลอดเวลาอยู่ดี เรียนให้ทราบเลยครับจิตวิทยาก็มีผลต่อคนเรามากนะครับ ทำไมคนเราบางคนถึงไม่สามารถเก็บเงินได้ครับเพราะอะไร ก็เพราะพวกเขาเหล่านั้นขาดการจัดการเงินของตัวเองไงครับ ถ้าเราแยกเงินออกจากกันเราจะรู้ได้เลยว่าเงินก้อนนี้เอาไปใช้อะไร ก้อนไหนเก็บก้อนไหนจ่าย ต่อไปสิ้นเดือนเราก็สามารถบริหารจัดการ การเงินได้เป็นอย่างดี
3.หยุดของฟุ่มเฟือย ให้เรานึกถึงแต่สิ่งที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันของเราเข้าไว้แล้วให้เราเปรียบเทียบกันไปเลย ว่าเราจะเลือกใช้อันไหน ถ้าเราหยุดของฟุ่มเฟือยได้ก็จะเป็นการประหยัดมากๆ เลยครับ

วิธีออมเงินอย่างฉลาด ออมอย่างไรให้รวย
1.ออมกับกองทุนเลี้ยงชีพ สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณมีผลกำไลในวันข้างหน้าหรือพูดง่ายๆ  คือเงินดอกนั้นเอง อย่างการออมกับกองทุนเลี้ยงชีพเราก็จะได้เปอร์เซ็นตามอายุงานของเรา ตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับนโยบายของบริษัทนั้นๆ  ด้วยครับ พูดถึงการออมเงินแบบนี้คุ้มมั้ย บอกตามตรงได้มากกว่าฝากกับธนาคารอีกครับ บ้างครั้งเราทำงานผ่านไปเดือนๆ หนึ่ง เราอาจจะรู้สึกได้ว่าเราได้เงินครบทุกเดือน แต่ที่จริงแล้วเราถูกหักเงินไปโดยที่เราไม่ได้คิดถึงมันเลยจึงทำให้วิธีนี้คุ้มค่ามาก พนักงานเงินเดือนรีบไปสมัครกับกองทุนด่วนเลย…

ออมเงินวันนี้เพื่อวันข้างหน้า
วันนี้คุณออมกันหรือยังครับหลังจากได้อ่านบทความนี้ เดือนอยากบอกว่าผมเอาเงินเหรียญ 25 สตางค์กับ 50 สตางค์ไปแลกทุกเดือน ๆ หนึ่งก็ได้ประมาณ 50 – 100  บาท ลองคิดดูนะครับว่าแล้วที่ไม่ใช่เงินสตางค์มากกว่าขนาดไหน หวังว่าทุกท่านคงมีเงินเก็บซื้อบ้าน ซื้อรถกันทุกๆ  คนนะครับ ถ้ามีข้อมูลเพื่มเติมอย่างไรเดี๋ยวจะอัพเดทให้ครับ



วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

12 กลยุทธ์ความรวย ผ่านหนังสือ "สูตรลับเศรษฐี"



12 กลยุทธ์ความรวย ผ่านหนังสือ "สูตรลับเศรษฐี"



              “สูตรลับเศรษฐี” หนังสือที่ถูกถ่ายทอดโดย เฉลียว สุวรรณกิตติ รองประธานกรรมการทรู คอร์ปอเรชั่น ที่ใช้นามปากกาในการเขียนว่า ปัญญาลักษณ์ สุวรรณฯ ความน่าสนใจของหนังสือเล่ม
นี้อยู่ที่การรวบรวมประสบการณ์จริงของบุคคลระดับผู้บริหารของ  ทรู คอร์ปอเรชั่น และอีกหลายต่อ
หลายองค์กรก่อนหน้านี้ ที่ได้มีโอกาสสัมผัสกับมหาเศรษฐีทั้งไทยและเทศมามากต่อมาก ร่วมกับการค้นคว้าข้อมูลวิจัยจากหนังสือและบทความต่างๆ จากซีกโลกตะวันตก-ตะวันออก มาสังเคราะห์ออก
เป็น "สูตร" สู่การเป็นเศรษฐี
“ผมได้นำเอาประสบการณ์จากชีวิตจริงที่ได้จากการสัมผัสและรู้จักกับเศรษฐีและมหาเศรษฐีหลายๆ
 ท่านทั้งในประเทศและต่างประเทศ พบว่าแต่ละคนนั้นมีวิธีการคิด มีวิถีการดำเนินชีวิตที่ใกล้เคียงกัน"
ปัญญลักษณ์นิยามของ ”เศรษฐี” โดยเปรียบเทียบกับคำว่า "Millionaire" ดังนั้นใครก็ตามที่มีทรัพย์สินสุทธิรวมทั้งเงินสด เงินฝากธนาคาร (ไม่นับบ้าน-ที่อยู่อาศัย) ในปัจจุบันเกินกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือถ้าเป็นคนอังกฤษ ก็ต้องมีเกินกว่า 1 ล้านปอนด์ ถ้าเป็นคนยุโรปอื่นๆ ก็ต้องมีเกินกว่า 1 ล้านยูโร ก็สามารถเรียกแทนตัวเองว่า...เศรษฐี ได้แล้ว
เขายังบอกว่า สาเหตุที่ตั้งชื่อหนังสือเป็นภาษาอังกฤษว่า Millionaire Code นั้น เพื่อต้องการล้อกับหนังสือ รหัสลับดาวินชี หรือ The Davinci Code
“ผมมีนัยสำคัญในการล้อ เพราะนวนิยายเรื่องรหัสลับดาวินชีนั้น ผูกรหัสลับไว้กับตัวละครหลายตัวน่า
ตื่นเต้น มีบาดเจ็บล้มตาย แต่สุดท้ายลายแทงนั้น กลับนำไปสู่ความว่างเปล่าไม่มีสาระ เช่นเดียวกับชีวิตมนุษย์ที่ต้องการไต่เต้าไปสู่การเป็นเศรษฐี บางคนรู้จักจุดเพียงพอ แต่บางคนที่ไม่รู้จักพอทำให้ชีวิตประสบกับความยากลำบากอย่างคาดไม่ถึง การตั้งเป้าหมายและนิยามการเป็นเศรษฐีจึงเป็นเรื่องเฉพาะที่เจ้าตัวจะนิยาม” เขาเล่า
เฉลียวเล่าว่า น่าเสียดายที่เขาค้นพบสูตรลับเศรษฐีเมื่ออายุล่วงเลยวัยกลางคนไปมากแล้ว การจะนำสูตรลับบางข้อมาปฏิบัติก็สายเกินกว่าจะเริ่มต้นได้แล้ว จึงหวังว่าการนำสูตรลับนี้มาเปิดเผย จะช่วยให้คนที่อยากประสบความสำเร็จ ร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีได้นำไปปฏิบัติ เรียนรู้ให้ลึกซึ้ง รับรองว่าจะประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน
ส่วนผสมของการเป็นเศรษฐีที่ว่านี้ ประกอบด้วยหลัก 12 ข้อ ประกอบด้วย การเป็นคนเก่งรอบตัว, การเป็นผู้รู้จักใช้โอกาสของชีวิตอย่างเต็มที่, การมีวิสัยทัศน์และชอบศึกษาโดยไม่จำกัด, การมีลักษณะผู้นำ, การมีศิลปะและรู้จักใช้เทคนิคหน้าหนาใจดำ, การรู้จักเลือกพี่เลี้ยงและสนับสนุนอย่างถูกต้องและถูกจังหวะ
การมีความสามารถในการสร้างข่ายใย, ความสามารถพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสทุกกรณี,การเป็นคนช่างคิดช่างทำ (นักคิดและนักปฏิบัติ), การรู้ค่าของเงิน และสุดท้าย คือ การมีดวงดีและมีทัศนคติที่ดี
“ผมเองเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาจากแรงบันดาลใจที่ว่า ตั้งใจที่จะทดแทนบุญคุณแผ่นดินเป็นสำคัญ เพราะแผ่นดินไทยให้อะไรกับผมหลายอย่าง การที่ผมได้พบปะผู้คนที่เป็นเศรษฐีและมหาเศรษฐี ได้เห็นแนวคิดของแต่ละคน จึงอยากจะให้คนทั่วๆ ไปได้รู้ และเห็นว่ามีประโยชน์มาก สามารถชี้ช่องให้กับคนทั่วไปที่ไม่มีโอกาสได้สัมผัสตัวจริงเสียงจริงของเศรษฐีเหล่านั้น”
เขายังฝากถึงคนที่อยากเป็นเศรษฐีว่า...“จะต้องสร้างสำนึกเป็นอัตโนมัติว่าเราจะต้องสร้างฐานะ และต้องถามตัวเองก่อนว่าใจอยากจะร่ำรวยแค่ไหน ถ้าไม่มีความรู้สึกอยากจะรวยอย่างดื่มด่ำแล้ว อย่าอ่านหนังสือเล่มที่ว่าต่อไปเลย เพราะเสียเวลาเปล่า”
นอกจากเคล็ดลับทั้ง 12 ข้อแล้ว เขายังได้เน้นในเรื่องของ PASSION หรือการทำงานด้วยใจรัก ซึ่งเป็นความจำเป็นพื้นฐานของผู้ที่อยากจะประสบความสำเร็จในชีวิต ผู้ที่อ่านหนังสือเล่มนี้ยังจะสนุกกับการสำรวจตัวเองว่า....คุณมีคุณสมบัติพื้นฐานของเศรษฐีหรือไม่ โดยผู้เขียนได้จัดทำวิธีสำรวจไว้เป็นพิเศษ พร้อมวิธีการแก้ไขปัญหา โดยผู้เขียนจะพยายามหาคำตอบในทุกหัวข้อเรื่องว่า เมื่อรู้ว่าจะทำอะไรก่อนจะก้าวเป็นเศรษฐีแล้ว จะต้องรู้ด้วยว่าจะทำอย่างไรด้วย จากนั้นจะต้องลงมือปฏิบัติให้ครบวงจร
หนังสือเล่มนี้ ยังแนะนำถึงการวางยุทธศาสตร์ให้กับชีวิต หรือที่เขาเรียกว่า ”การเขียนแผนที่ชีวิต” อย่างมีระบบและหลักเกณฑ์ นอกจากการเขียนด้านการงานแล้ว ยังได้หยิบยกประเด็นในเรื่องสุขภาพกาย-สุขภาพจิต ตลอดจนความสัมพันธ์ในครอบครัวมาเล่าไว้เป็นการเตือนสติให้นึกถึง "ดุลยภาพ" ของชีวิต ซึ่งจะต้องมีครบทุกส่วนจึงจะมีความสุขได้
ระหว่างงานแถลงข่าว เฉลียวได้ยกตัวอย่างคุณสมบัติของเศรษฐีข้อหนึ่งคือ การเป็นคนเก่งรอบตัว จะต้องประกอบด้วย เก่งตน-เก่งคน และเก่งงาน
เก่งตน คือ มีความสามารถส่วนตัวที่โดดเด่นกว่าคนปกติ คือ ต้องคิดเก่ง พูดเก่ง เขียนเก่ง จดจำเก่ง และฟังเก่ง
เก่งคน คือ มีความสามารถที่จะใช้คนรอบตัวให้เกิดประโยชน์ คือ มีความสามารถในการใช้คนระดับสูงกว่า คนระดับเดียวกัน และคนระดับล่าง
เก่งงาน คือ ต้องเรียนรู้งานเร็ว สามารถมองงานในมุมกว้าง ทำงานเป็น และทำงานด้วยใจรัก
“ในระหว่างที่ผมเขียนหนังสือเล่มนี้อยู่นั้น มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นในประเทศไทยจนนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ต้องหลุดออกจากตำแหน่ง ใครๆ ก็รู้ว่านายกฯ ท่านนี้ เก่งตน เก่งงาน อย่างหาตัวจับได้ยาก แต่เห็นชัดว่าท่านไม่เก่งคน แม้จะมีเสียงสนับสนุนมากถึง 14 ล้านคน ก็ช่วยไม่ได้ นี่แสดงให้เห็นว่าคนจะประสบกับความสำเร็จต้องเก่งรอบตัว” เขากล่าว
สำหรับปัญญาลักษณ์ สุวรรณฯ นั้น ไม่ใช่นักเขียนหน้าใหม่อย่างที่หลายคนคิดกัน หากเอ่ยชื่อ ”นายหนูใหญ่” เชื่อว่านักอ่านหลายท่านคงจะคุ้นชื่อ เพราะเป็นนามปากกาที่เขาใช้มาตลอด อีกทั้งเขายังเป็นศิษย์เอกของ”นายหนหวย”
เขาเริ่มเขียนบทความมาตั้งแต่เรียนอยู่ในระดับมหาวิทยาลัยปีสุดท้าย จนกระทั่งปี 2538 ได้เริ่มเขียนคอลัมน์ต่างๆ อย่างจริงจัง และได้นำบทความเหล่านั้นมารวมเล่ม 5 เล่ม ภายใต้นามปากกาดังกล่าว
“ผมผ่านการประกอบอาชีพมาหลายอย่าง เริ่มจากการเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ผันตัวเองไปสู่แวดวงรัฐวิสาหกิจจนเป็นซีอีโอของรัฐวิสาหกิจสำคัญหลายแห่ง เคยเป็นเจ้าของกิจการแต่ไม่ประสบความสำเร็จ แต่ในช่วงหลังๆ ผมเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเอกชนหลายแห่งในฐานะ มือปืนรับจ้าง ที่ดูจะประสบความสำเร็จมากกว่าการเป็นเจ้าของกิจการ“ เขากล่าว
นอกจากนี้ เขายังได้รับการยอมรับจากผู้ประกอบอาชีพเดียวกันจนได้เป็นนายกสมาคมการค้า และสมาคมอาชีพหลายสมาคม เช่น อดีตนายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทยอยู่หลายสมัย ในยุคก่อตั้ง อดีตเลขาธิการหอการค้าไทย และเป็นคนสำคัญในการขยายเครือข่ายหอการค้าไทยออกไป 76 แห่งทั่วประเทศ
ปัญญลักษณ์ เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนอำนวยศิลป์ พระนคร สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีทางด้านบัญชี จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ MBA จากสหรัฐอเมริกา โดยได้รับทุนจากสหประชาชาติ (UN)
เขายังทิ้งท้ายไว้ว่า หากอ่านหนังสือเล่มนี้จบแล้วยังไม่ทราบว่า...เศรษฐีหมายถึงใคร หมายถึง คนรวยแค่ไหน ก็ไม่ต้องสงสัย เพราะเขาตั้งใจที่จะปล่อยให้เป็นคำถามปลายเปิด คือให้ผู้อ่านแต่ละท่านได้นิยามคำว่า "เศรษฐี" ตามแต่ใจปรารถนา



วันพุธที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2555

หางานทำตอนว่างเวลาเย็น เสาร์อาทิตย์ หางานทำที่บ้าน วันหยุุด สนใจติดต่อคุณเปรมวิกา

หางานทำตอนว่างเวลาเย็น เสาร์อาทิตย์ หางานทำที่บ้าน วันหยุด สนใจติดต่อคุณเปรมวิกา







คนที่มี เวลาว่าง ตอนเย็น วันหยุด เสาร์อาทิตย์ แล้วอยาก หางานทำที่บ้าน เพื่อเป็น รายได้พิเศษ รายได้เสริม สำหรับคนทำงานประจำ หรือนักศึกษา ที่ต้องการช่วยแบ่งเบาภาระของครอบครัว โดยใช้เวลา 2-3 ชม/วัน ในการทำงาน หากใครที่สนใจ หางานทำตอนว่างเวลาเย็น เสาร์อาทิตย์ หางานทำที่บ้าน วันหยุด ดูรายละเอียดจากด้านล่างค่ะ
รายละเอียดของงาน หางานทำตอนว่างเวลาเย็น เสาร์อาทิตย์ หางานทำที่บ้าน วันหยุด สนใจติดต่อคุณปวีณ์กร
  • เป็นการพิมพ์เอกสาร คีย์ข้อมูล ตามไฟล์งานที่เรามีให้ ผ่านโปรมแกรม Word แล้วส่ง ไปตามรายชื่อ E-mail ที่กำหนดให้
  • สามารถรับงานกลับทำที่บ้านได้ ประมาณวันละ  2-3 ชม.
  • จ่ายรายได้ค่าตอบแทนรายวัน
คุณสมบัติของผู้สมัคร หางานทำตอนว่างเวลาเย็น เสาร์อาทิตย์ หางานทำที่บ้าน วันหยุด สนใจติดต่อคุณปวีณ์กร
  • ชาย/หญิง  อายุ 18 ปีขึ้นไป
  • สามารถใช้  Computer เบื้องต้นได้ ( Word, Excel ) และสามารถใช้  Internet  ได้
  • มีความรับผิดชอบในการทำงานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จลุล่วง
เอกสารที่ใช้สมัคร หางานทำตอนว่างเวลาเย็น เสาร์อาทิตย์ หางานทำที่บ้าน วันหยุด สนใจติดต่อคุณปวีณ์กร
  • สำเนาบัตรประชาชน 1 ใบ
  • สำเนาหน้าแรกของบัญชีธนาคาร 1 ใบ
  • จดหมายเลข >>  H-167500 << เพื่อมาติดต่อรับงานด้วย
สนใจติดต่อ : คุณ เปรมวิกา
โทร086-3141366 , 080-7763007
สถานที่ ห้าง AEON ถ. แจ้งวัฒนะ (บางเขน)  ตรงข้าม มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร กทม.
เปิดทำการทุกวัน เปิดทุกวัน  09.30 – 17.30 น.



สถานที่ติดต่อ ( เปิดทำการทุกวัน )

ห้าง Max Valu ถนนแจ้งวัฒนะ (ตรงข้าม มหาลัยราชภัฏพระนคร) บางเขน กรุงเทพฯ

สายรถเมล์ :59,95,150,356,ปอ.59,ปอ.513,ปอ.356,ปอ.523,ปอ.554,ปอ.524,รถตู้ปากเกร็ด

สอบถามเส้นทางโทร 184

วันอังคารที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

วิธีเก็บเงิน 1,000 ให้กลายเป็นเงิน ล้าน





เป็นเศรษฐีร้อยล้านได้ จากการลงทุนปีละ 14,000 บาท (เดือนละ1000 เศษๆ)
ความ “ร่ำรวย” แทบเป็นยอดปรารถนาของทุกคน ในขณะที่คนทั่วไปเข้าใจว่า แต่ละเดือนมีรายได้ไม่
มาก เหลือเงินเก็บไม่เท่าไหร่ ภายใต้การเก็บสะสมเหล่านี้ไม่มีวันร่ำรวยได้ แต่ในความเป็นจริง ถ้า
หากมีเวลาเพียงพอ และรู้หลักการลงทุน ก็จะเป็นเศรษฐีร้อยล้านได้
ทั้งนี้ก็เพราะว่าการลงทุนประสบความร่ำรวย ประกอบไปด้วยเงื่อนไขพื้นฐาน 3 ประการคือ เงินออมที่
แน่นอน การค้นหาผลตอบแทนสูง และการรอคอยระยะยาว


ถ้าหากคนหนุ่มสาวสามารถเก็บเงินปีละ 14,000 บาท เก็บทุกปีติดต่อกัน 40 ปี หากนำเงินที่เก็บไว้ใน
แต่ละปีไปลงทุนในตลาดหุ้นหรืออสังหาริมทรัพย์หรืออื่น ๆ ที่ได้ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยปีละ 20% คล้อยหลัง
ไป 40 ปี จะมีทรัพย์สินเท่าไร ?คำตอบที่ได้รับคือ 102,810,000 บาท
(หนึ่งร้อยสองล้านแปดแสนหนึ่งหมื่นบาท)


เป็นตัวเลขที่น่าตกใจมาก ถ้าหากเป็นหนุ่มสาวเริ่มทำงานตั้งแต่อายุ 25 ปี ขอเพียงเก็บเงินปีละ
14,000 บาท หรือเฉลี่ยประมาณเดือนละ 1,167 บาท ลงทุนทั้งสิ้น 40 ปี เท่ากับ 560,000 บาท ถ้า
นำเงินเหล่านี้ไปลงทุน ให้ได้ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยปีละ 20% เมื่อเกษียณที่อายุ 65 ปี จะกลายเป็น
เศรษฐีร้อยล้าน


ตัวเลขร้อยล้านนี้มาจากวิธีคำนวณทางคณิตศาสตร์ดังไปนี้ 14,000 x (1x20%)^40 / 20% =
102,810,000


สูตรตัวเลขนี้เพียงบ่งชี้ว่า เงินจำนวนเล็กน้อย พอผ่านการลงทุนจะทำกำไรเป็นเงินมหาศาลอย่างไร คุณ
อาจจะยังไม่เข้าใจสูตรตัวเลขนี้ก็ไม่เป็นไร เพราะว่าผู้ที่ลงทุนจนกลายเป็นเศรษฐีส่วนใหญ่ก็ไม่เข้าใจ
สูตรนี้เช่นกัน และคนที่เข้าใจสูตรตัวเลขนี้ก็ใช่ว่าจะลงทุนแล้วร่ำรวยกันทุกคน
ขอเพียงคุณยังหนุ่มยังสาว มีความตั้งใจอยากร่ำรวย รู้จักลงทุนให้ถูกทาง ระหว่างที่มีชีวิตอยู่ต้องได้เป็น
เศรษฐี ทั้งนี้ต้องประกอบด้วยเงื่อนไข 3 ข้อที่ว่า
1. ปีนึงต้องเก็บเงิน 14,000 บาท หรือเท่ากับเดือนละ 1,167 บาท เชื่อว่าสำหรับคนทั่วไปอยู่ในวิสัย
ที่ทำได้
2. นำเงินออมไปลงทุนในตลาดหุ้นหรืออสังหาริมทรัพย์ ตลอดจนเครื่องมือการลงทุนอื่นๆ ให้ได้ผลตอบ
แทนโดยเฉลี่ยปีละ 20% และถือครองระยะยาว ซึ่งรูปแบบการลงทุนเช่นนี้ ไม่ว่าชายหรือหญิง ยากดีมีจน
อย่างไร ล้วนลงทุนได้
3. ระยะเวลาในการสร้างฐานะ 40 ปี ดูเหมือนว่ายาวนาน แต่ก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรง แทบทุกคน
สามารถทำได้
หนุ่มสาวในยุคปัจจุบัน เริ่มทำงานตั้งแต่อายุ 20 – 25 ปี เวลานี้เริ่มเก็บออมเงินได้แล้ว เมื่อมีอายุถึง
60 – 65 ปี เท่ากับว่าทำงาน 40 ปีพอดี


ถ้าหากยังไม่เข้าใจ โปรดดูข้อมูลตัวเลขข้างล่างนี้ ซึ่งอธิบายวิธีการลงทุนสร้างฐานะว่า ลงทุนทุกปี ปีละ
14,000 บาท ถ้าได้ผลตอบแทนปีละ 20% ทุก 10 ปีจะมียอดเงินสะสมดังนี้
- ปีที่ 10 ยอดเงินสะสม = 360,000 บาท
- ปีที่ 20 ยอดเงินสะสม = 2,610,000 บาท
- ปีที่ 30 ยอดเงินสะสม = 16,550,000 บาท
- ปีที่ 40 ยอดเงินสะสม = 102,810,000 บาท
นั่นหมายความว่าหากคุณมีเงินเก็บสะสมอยู่แล้ว 360,000 บาท ก็ขอแสดงความยินดีที่คุณสามารถ ลด
ระยะเวลาของการลงทุนไป 10 ปี ขอเพียงคุณลงทุนในธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนอย่างงาม (20%ขึ้นไป) อีก
30 ปีคุณจะได้เป็นเศรษฐีร้อยล้าน หากคุณมีเงินทองอยู่แล้ว 2,610,000 บาท ก็ยิ่งดีใหญ่ เพราะว่าคุณ
ลดระยะเวลาการลงทุนไป 20 ปี หรือหากคุณมียอดเงินอยู่แล้ว 16,550,000 บาท ก็ยิ่งวิเศษใหญ่เพราะว่าคุณลดระยะเวลาการลงทุนถึง 30 ปี อีก 10 ปีคุณก็จะเป็นเศรษฐีร้อยล้านมีคนทั่วไปเห็นว่า เมื่อฝากเงินกับธนาคารจะได้รับดอกเบี้ย เมื่อทบดอกเบี้ยเข้าไป จะได้ดอกทวีคูณ เมื่อ
นานเข้าน่าจะเป็นเงินก้อนใหญ่ คนที่มีความคิดเช่นนี้ เป็นเพราะไม่เข้าใจวิธีการคำนวณดอกเบี้ยทบต้น
ถ้าพบว่าภายใต้เงินก้อนเดียวกัน ผ่านระยะเวลาดอกเบี้ยทบต้นเท่ากัน แต่ดอกเบี้ยไม่เท่ากัน ผลตอบแทน
ที่จะได้รับนั้นแตกต่างอย่างมหาศาลน่าแปลกใจมาก
ตัวอย่างคน ๆ นึงฝากเงินกับธนาคารทุกปี ปีละ 14,000 บาท เป็นเวลา 40 ปี รับดอกเบี้ยเฉลี่ยปีละ5% แล้วนำดอกเบี้ยทบต้นเข้าไป คุณคิดว่า 40 ปีให้หลัง คน ๆ นี้จะมีเงินสะสมเท่าไร ? คำตอบคือ1,690,000 บาทเท่านั้นคำตอบที่ได้มาจากวิธีคำนวณทางคณิตศาสตร์ดังนี้ 14,000 x (1x5%)^40 / 5% = 1,690,000ในขณะที่ตัวอย่างร้อยล้านจากวิธีคำนวณข้างต้น แต่ผลตอบแทนเฉลี่ย 20% ต่อปี 14,000 x(1x20%)^40 / 20% = 102,810,000
ทั้งสองรายการนี้ใช้เงินลงทุนเท่ากัน ระยะเวลานานเท่ากัน ต่างกันที่ผลตอบแทน 5% กับ 20% ทั้งสองรายการได้ผลตอบแทนต่างกันถึง 70 กว่าเท่า







วันอาทิตย์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ สิ่งง่ายๆที่ทุกคนต้องการ

ลองตอบคำถามง่ายๆ เหล่านี้ดู


  1. ทุกวันนี้ที่ทำงานอยู่นั้นต้องการอะไรบ้าง? ( ระบุความต้องการมา 3 ข้อ )
  2. มีความพอใจมากน้อยอย่างไรกับงานที่ทำ? ( ให้คะแนน มาในแต่ล่ะข้อ )
  3. คุณมีแรงบรรดาลใจอะไรในการทำงาน? ( ต้องการทำเพื่อใคร ทำไม )
  4. คุณนึกถึงอนาคตอีก 5 ปีข้างคุณจะยืนอยู่ตรงจุดไหนในสิ่งที่คุณต้องการ? ( ให้คะแนนใหม่อีกครั้ง )
  5. ถ้าวันนี้มีงานที่่่สามารถตอบสนอง สิ่งที่คุณต้องการได้คุณจะคว้าโอกาสนั้นหรือไม่ ?
คุณคิดว่าตัวเองมีคุณสมบัติ 3 ข้อนี้หรือไม่
  1. คุณเป็นคนสู้งานหรือไม่ ?
  2. คุณเป็นตัวของตัวเองหรือไม่ ( หมายความว่า เมื่อเราได้ศึกษาพิจารณาและตัวสินใจแล้ว เรายังจะยืนกรานหรือไม่ ) ?
  3. คุณเป็นคนยอมแพ้อะไรง่ายๆ หรือไม่ ?
ถ้าคำตอบของคุณคือ ความคิดในแง่บวกแล้ว คุณคือคนหนึ่งที่สามารถหารายได้ เพื่อตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐานของตัวเองอย่างแน่นอน.


มาดูกันว่ามีคำตอบในคำถามเหล่านี้หรือไม่ ถ้าคุณเป็นคนรักความก้าวหน้า อยากมีรายได้ที่ดี คุณพร้อมที่ทำมันอย่างตั้งใจหรือไม่.
  1. ถ้าเข้ามาในงานอาชีพนี้ รายได้ต่อเดือนเท่าไหร่ที่คุณพอใจ
  2. คุณพร้อมที่จะให้โอกาสตัวเอง หรือไม่ ภายในเวลา 6 เดือน
  3. เรามาดูกันดีไหมว่า คุณจะมีรายได้......บาท ภายใน 6 เดือนหรือไม่ ถ้าได้เรามาคุยกันต่อว่าจะทำอย่างไร จึงจะมีรายได้มากกว่าเดิม ยุติธรรมมั้ย
  4. และถ้าคุณอยากทำ คุณจะแบ่งเวลาให้กับอาชีพนี้อย่างไร

             ถ้าคุณหาคำตอบให้กับคำถามได้แล้ว คุณอาจจะสนใจในสิ่่งที่จะเสนอคุณดังต่อไปนี้ ที่จะทำให้คุณฉีกจากกฏเดิมๆ ในการทำงานประจำที่ทำทุกวันแล้วยังไม่รวยหรือมีชีวิตที่ดีขึ้นเลย.

             มาถึงตรงนี้คุณอาจจะสงสัยแล้วว่าอาชีพอะไรที่ตอบโจทย์ทั้งหมดนี้ได้ สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ เบอร์ 086-3315255 หรือ
ที่เบอร์ 087-3142466 ทุกวัน.

กรุณาจดหมายเลข    >>H167500<<   เข้ามาติดต่อด้วย